แก๊งคอลเซ็นเตอร์

เปิดกลโกง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอก ต๋อง ศิษย์ฉ่อย สูญเป็นล้าน

พลตำรวจเอก สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แถลงกรณี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงให้ นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย โอนเงินให้จำนวน 3 ล้าน 2 แสนบาท

โดยพฤติการณ์ของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รายนี้ได้มีการแอบอ้างเป็นตำรวจ โทรศัพท์ไปข่มขู่นายวัฒนาว่าไปเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและฟอกเงิน โดยมิจฉาชีพคนที่หนึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยโทรศัพท์ไปหานายวัฒนาว่ามียอดค้างชำระบัตรเครดิต หากไม่ได้ใช้บัตรเครดิตแสดงว่ามี บุคคลอื่นนำบัตรเครดิตไปใช้ จึงได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ต่อสายโทรศัพท์ให้พูดคุยกับมิจฉาชีพคนที่ 2 แอบอ้างเป็น พันตำรวจเอก เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ เนื่องจากเห็นว่าไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความ ระหว่างนั้นมิจฉาชีพคนที่สามโดยใช้บัญชีแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ สภ.เมืองนครสวรรค์ แจ้งมาว่านายวัฒนาเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและฟอกเงิน ให้ส่งบัญชีธนาคารของนายวัฒนามาให้ตรวจสอบ หากต้องการพิสูจน์ความจริงต้องโอนเงินมาตรวจสอบเส้นทางการเงิน และถ้าตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะโอนเงินคืนให้ ทำให้นายวัฒนาหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินจากบัญชีธนาคาร 5 บัญชีจำนวน 10 ครั้ง เป็นเงินกว่า 3 ล้าน 2 แสนบาท ให้กับมิจฉาชีพไป

โดยนายวัฒนา ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาก็ได้รับรู้ข่าวสารว่ามีมิจฉาชีพก่อเหตุหลอกลวงประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองก็พยายามระมัดระวังตัวมาโดยตลอด แต่ก็มาพลาดจนได้

จึงอยากให้ตำรวจติดตามจับกุมมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาลงโทษให้ได้ เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก และอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง เป็นกรณีศึกษาเพื่อไม่ให้มีผู้อื่นตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพเหล่านี้อีก

พลตำรวจตรี สุระพรรณ นาทวรทัต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีของนายวัฒนาว่า พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ 1 คน เป็นบัญชีม้าแถวที่ 1 ที่มีพฤติการหลบหนี และออกหมายเรียกผู้ต้องหาซึ่งเป็นบัญชีม้าแถวที่ 2-4 จำนวน 10 คน โดยอายัดบัญชีทั้งหมดไว้แล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นัดให้มารายงานตัวในวันที่ 26 และ 29 พฤษภาคมนี้

แก๊งคอลเซ็นเตอร์

พลตำรวจเอก สมพงษ์ เปิดเผยว่า ผลการปฏิบัติงานในปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 14 ถึง 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา

มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์ 5 รูปแบบ ที่มากที่สุดคือ คดีหลอกลวงซื้อขาย สินค้าหรือบริการ รองลงมาคือ หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ , หลอกลวงให้กู้เงิน , ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน และหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตามลำดับลงมา

ซึ่งระหว่างวันที่ 14 ถึง 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีสถิติรับแจ้งความ 4,461 คดี ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 314 คดี มีมูลค่าความเสียหายกว่า 473 ล้านบาท มูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นกว่า 46 ล้านบาท

โดยมีการระงับการทำธรุรกรรมและอายัดบัญชีตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ห้วงวันที่ 13 มีนาคม ถึง 5 พฤษภาคม มีคดีทั้งหมด 30,439 คดี , ขอระงับอายัดบัญชีจำนวน 16,597 บัญชี , ทำเรื่องขออายัดเงิน ไปทั้งหมด 685,310,290 บาท สามารถอายัดเงินได้ 92,132,049 บาท

ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ในห้วงวันที่ 17 มีนาคมถึง 17 เมษายนที่ผ่านมา มีการออกหมายจับไป 264 คดี , จับกุมได้ 170 คดี ได้ตัวผู้ต้องหา 137 คน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รู้เท่าทัน รูปแบบกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐต่างๆ ข่มขู่ให้เกิดความกลัว และให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ตรวจสอบ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ว่ามิจฉาชีพจะอ้างหน่วยงานใดและใช้วิธีใด หากมิจฉาชีพใช้วิธีนี้ขอให้ประชาชนได้รู้เท่าทันและวางสายโทรศัพท์ทันที (หากโทรฯ กลับจะไม่มีผู้รับสาย) มิจฉาชีพก็จะหลอกต่อไปไม่ได้ หากมิจฉาชีพใช้รูปแบบกลโกงโดยการส่ง sms พร้อมแนบลิงก์มาด้วย ขอให้ประชาชนได้รู้เท่าทันและไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน sms แปลกปลอมหรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจากGoogle Play store หรือ Apple Store เท่านั้น

สำหรับประชาชนเมื่อถูกหลอกหรือมีเหตุสงสัยว่าตกเป็นเหยื่อคดีออนไลน์ เช่น กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน และแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกไป ให้ประชาชนรีบดำเนินการ ดังนี้

1.แจ้งธนาคารทันที ผ่านเบอร์ศูนย์รับแจ้งเหตุ hotline หรือที่สาขาเพื่อให้ระงับธุรกรรมชั่วคราว ช่วยตัดตอนเส้นทางการเงิน

2.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com และต้องไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนปากคำอีกครั้ง หรือเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ใดก็ได้เพราะธนาคารระงับธุรกรรมชั่วคราวได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยตำรวจจะแจ้งให้ธนาคารทราบเพื่อระงับธุรกรรมต่อไปอีก

เพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจเตือนภัยออนไลน์ หรือโทรฯ สายด่วน 1441

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ southgatebaptist.com

แทงบอล

Releated